เมนู

เมื่อเขาตอบว่า " ยังไม่ได้," จึงทราบความที่เขาจัดภัตไว้เพื่อพราหมณ์ 4
คนเท่านั้น กล่าวว่า " พวกท่านจงนำบาตรของเรามา" แล้วรับบาตร
หลีกไป.
ฝ่ายพราหมณี ถามว่า " พราหมณ์นี้กล่าวอะไร ?" เมื่อพราหมณ์
ตอบว่า " ท่านกล่าวว่า ' การที่พราหมณ์ผู้นั่งอยู่เหล่านั่นได้ (ก่อน) จึง
ควร, จงนำบาตรของเรามา, รับเอาบาตรของตนแล้วไป" จึงกล่าวว่า
" พระเถระนั้น เห็นจะไม่ประสงค์เพื่อจะฉัน, ท่านจงรีบไปเลือกดูพราหมณ์
อื่นแล้วนำมา."
พราหมณ์ไปพบพระมหาโมคคัลลานเถระ ก็กล่าวอย่างนั้นเหมือน
กัน นำมาแล้ว.
แม้ท่าน เห็นสามเณรทั้งหลายแล้ว ก็กล่าวอย่างนั้นเหมือนกัน แล้ว
ก็รับบาตรหลีกไป.
ลำดับนั้น พราหมณีกล่าวกะพราหมณ์นั้นว่า " พราหมณ์เหล่านั้น
เป็นผู้ไม่ประสงค์เพื่อจะฉันกระมัง ? ท่านจงไปสู่โรงสวดของพราหมณ์
นำพราหมณ์แก่คนหนึ่งมา."
ฝ่ายสามเณรทั้งหลาย ไม่ได้อะไร ๆ จำเดิมแต่เช้า ถูกความหิวบีบ
คั้น นั่งอยู่แล้ว.

ท้าวสักกะปลอมเป็นพราหมณ์แก่มาทรมานพราหมณี


ครั้งนั้น อาสนะของท้าวสักกะแสดงอาการร้อนแล้ว เพราะเดช
คุณของสามเณรเหล่านั้น. ท้าวเธอทรงใคร่ครวญอยู่ ก็ทราบความที่
สามเณรเหล่านั้นนั่งหิวโหยอยู่ตั้งแต่เช้า ทรงดำริว่า " การที่เราไปในที่นั้น

ควร" จึง (แปลง) เป็นพราหมณ์แก่คร่ำคร่าเพราะชรา ประทับนั่งอยู่บน
อาสนะที่เลิศของพราหมณ์ทั้งหลาย ในโรงสวดของพราหมณ์นั้น. พราหมณ์
พอเห็นท้าวสักกะนั้นแล้วคิดว่า " คราวนี้พราหมณีของเราจักพอใจ"
กล่าวว่า " มาเถิดท่าน, พวกเราจักไปสู่เรือน" ได้พาท้าวเธอไปสู่เรือน
แล้ว.
พราหมณี พอเห็นท้าวสักกะเท่านั้น มีจิตยินดีแล้ว ลาดเครื่องลาด
บนอาสนะ 2 (ซ้อน) ในที่เดียวกัน กล่าวว่า " พระผู้เป็นเจ้า เชิญท่าน
นั่งบนเครื่องลาดนี้เถิด."
ท้าวสักกะเสด็จเข้าไปสู่เรือน แล้วไหว้สามเณรทั้ง 4 รูปด้วยเบญ-
จางคประดิษฐ์ แล้วจึงประทับนั่งโดยบัลลังก์ที่พื้นท้ายอาสนะของสามเณร
เหล่านั้น.
ครั้งนั้น พราหมณีเห็นท้าวเธอกล่าวกะพราหมณ์ว่า " แย่จริง
พราหมณ์ท่านนำมาแล้ว, ท่านพาพราหมณ์บ้าแม้นั้นมา (อีก), พราหมณ์
นั้นเที่ยวไหว้สามเณรปูนหลานของตนได้; ประโยชน์อะไรด้วยพราหมณ์นี้,
ท่านจงขับไล่พราหมณ์นี้ออกไปเสีย." พราหมณ์แปลงนั้น ถูกเขาจับที่คอ
บ้าง ที่มือบ้าง ที่รักแร้บ้าง ฉุดคร่าออกไปอยู่ ก็ยังไม่ปรารถนาแม้เพื่อจะ
ลุกขึ้น.
ลำดับนั้น พราหมณีกล่าวกะพราหมณ์ผู้สามีนั้นว่า " พราหมณ์มา
เถิด, ท่านจงจับที่มือข้างหนึ่ง, ฉันจักจับที่มือข้างหนึ่ง." ทั้งสองคนจับ
ที่มือทั้งสองแล้วโบยที่หลังอยู่ ได้ช่วยกันคร่าไปไว้ในภายนอกแต่ประตู
เรือนแล้ว.

ฝ่ายท้าวสักกะ ก็คงประทับนั่งในที่ตนนั่งนั่นแล กวักพระหัตถ์แล้ว.
ทั้งสองงผัวเมียนั้น กลับมาเห็นท้าวสักกะนั้นประดับนั่งอยู่อย่างเดิม ร้อง
อยู่ด้วยความกลัว ปล่อยไปแล้ว. ในขณะนั้น ท้าวสักกะให้เขาทราบความ
ที่พระองค์เป็นท้าวสักกะแล้ว.
ลำดับนั้น ผัวเมียทั้งสองได้ถวายอาหารแก่สามเณรเหล่านั้นแล้ว.
ชนแม้ทั้ง 5 รับอาหารแล้ว, รูปหนึ่งทำลายมณฑลช่อฟ้าไป, รูปหนึ่ง
ทำลายส่วนเบื้องหน้าแห่งหลังคาไป, รูปหนึ่งทำลายส่วนเบื้องหลังแห่ง
หลังคาไป, รูปหนึ่งดำลงในแผ่นดินไป, ฝ่ายท้าวสักกะก็เสด็จออกไปโดย
ทางหนึ่ง, ชนแม้ทั้ง 5 ได้ไปสู่ที่ทั้ง 5 ด้วยประการฉะนี้.

พวกสามเณรเล่าเรื่องที่ถูกทรมาน


ก็แล จำเดิมแต่นั้นมา ทราบว่าเรือนนั้น ชื่อว่าเป็นเรือนมีช่อง 5.
ในกาลที่สามเณรไปสู่วิหาร ภิกษุทั้งหลาย ถามแม้ซึ่งสามเณรทั้งหลายว่า
" ผู้มีอายุทั้งหลาย เรื่องนี้เป็นเช่นไรกัน ?"
พวกสามเณร. ท่านทั้งหลายจงอย่าถามพวกกระผม, จำเดิมแต่กาล
ที่พราหมณีเห็นพวกกระผมแล้ว พราหมณีถูกความโกรธครอบงำ ไม่ให้
พวกกระผมนั่งบนอาสนะที่ตบแต่งไว้ แล้วยังกล่าวว่า ' ท่านจงนำพราหมณ์
แก่มาเร็ว,' อุปัชฌายะของพวกกระผมมาเห็นพวกกระผมแล้ว กล่าวว่า
' การที่พราหมณ์ผู้นั่งอยู่เหล่านี้ได้ (อาหารก่อน) ควร,' ให้นำบาตรมาแล้ว
ออกไป, เมื่อนางพราหมณีกล่าวว่า ' ท่านจงนำพราหมณ์แก่อื่นมา,'
พราหมณ์นำพระมหาโมคคัลลานเถระมาแล้ว, ท่านเห็นพวกกระผม ก็
กล่าวอย่างนั้นเหมือนกัน แล้วหลีกไป, ทีนั้น พราหมณีกล่าวว่า ' พราหมณ์
เหล่านี้ เป็นผู้ไม่ประสงค์จะฉัน, ท่านจงไป, จงนำพราหมณ์แก่คนหนึ่ง